ตำนานของ กัมพูฯ-ฯไม่มีขา

1.

ฉันยังจำได้ ครั้งแรกที่ฉันได้พบกับ “กัมพูฯ”

ย้อนกลับไปเมื่อตุลาคม 2549 ณ งานหนังสือฯ

เวลาตอนนั้น ประมาณสิบเอ็ดโมง

หน้าบูธ daypoets

ฉันยืนมองหนังสือหลายเล่ม และยังไม่ตัดสินใจว่าจะหยิบเล่มไหนขึ้นมาเปิดอ่าน

น้องคนขายผู้หญิงคนหนึ่ง “พี่ๆ เล่มนี้ก็ดีนะ”

เธอยื่น ‘หนังสือปกสีฟ้าหม่น’ มาให้ดู

ฉันรับมาด้วยความรู้สึกว่า… ‘ก็ช่วยรับให้น้องเขาหน่อย เดี๋ยวเขาจะเสียใจ’

‘เล่มนี้ สงสัยว่าจะเคยเป็นปกสีฟ้าอ่อน มันคงนอนอยู่ในกองนานไปหน่อย สีเลยออกฟ้าหม่นๆ อย่างนี้’

“เนี่ย เค้าไปเที่ยวกัมพูชาคนเดียว แล้วเขียนออกมา”

‘เหรอ’ นั่นน่ะ ฉันคิดไว้ในใจ ตาเหลือบมองป้ายราคา ‘หนังสือสีหม่น ราคาพอทน แหม! ปก 150 เอามาขายร้อยเดียว คนเขียนคงเสียใจแย่เลย’

เจ้าฟ้าหม่นเบาหวิวอยู่ในมือ ฉันตัดสินใจจ่ายเงินหนึ่งร้อยบาท เพราะปกสีฟ้าหม่นๆ นั่น ‘เออ เอาไว้ติดไปอ่านตอนไปพิด-โลกก็ได้’

“ตอนบ่าย นักเขียนเค้าจะมาแจกลายเซ็นด้วยนะคะ”

ฉันยิ้ม

บ่ายเท่าไหร่แล้ว ฉันก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่าเวลามันเดินเร็วกว่าฉันเสียอีก

ในเพลนารี่ฮอลล์ตอนนั้น ทุกคนก้าวเดินแบบหยุดไม่ได้ เพราะหากหยุดก็จะโดนเหยียบ

แล้วฉันก็เดินไหลตามฝูงชน มาเฉียดหน้าบูธ daypoets อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้มีผู้คนแน่นไปหมด

“น้องแวะหน่อยดิ เอาหนังสือไปให้เซ็นก่อน” ฉันบอกเพื่อนที่ตามมาสมทบในตอนบ่ายให้แวะบูธนี้

ฉันมองหาคนเขียน “กัมพูฯ”

‘นั่นไง’ ฉันเห็นเขาแล้ว ‘นิ้วกลม’ ผู้ชายหน้าตี๋ใส่เสื้อสีดำ กำลังแจกลายเซ็นให้คนอ่าน

ฉันยืนรอ

แล้วกัมพูฯ ก็ออกมาจากถุง และถูกส่งไปให้เขา

นักเขียนก้มหน้าลง เขาเปิดหนังสือแล้วจดปากกาสีดำลงไปบนหน้ากระดาษ

เขาปิดหนังสือ และกำลังจะส่งไปให้คนคิดเงิน

“จ่ายแล้วค่ะ ซื้อไปตอนเช้า เห็นน้องเค้าบอกว่า นักเขียนจะมาแจกลายเซ็น ก็เลยมา”

นั่นล่ะ วันแรกที่ ‘เราเจอกัน’ กัมพูชาพริบตาเดียว ปกสีฟ้าหม่น

ฉันเปิดหนังสือปกสีฟ้าหม่นนั้น…

ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปทีละด้านๆ เหมือนตอนที่ฉันเปิดหน้าหนังสือทีละหน้าๆ

‘กัมพูฯ’ สีฟ้าหม่น ทำให้ฉันต้องไปตามหาหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ที่ฉันเคยเจอในร้านหนังสือเมื่อนานมาแล้ว

2.

หนแรกที่คนเราเจอกัน หากไม่ประทับใจ ก็จะไม่สานต่อ…

สำหรับฉันแล้ว การเลือกซื้อหนังสือก็ใช้วิธีการไม่ต่างจากการเลือกคบค้าสมาคมกับผู้คนน่ะแหละ

ก่อนงานมหกรรมหนังสือ ปี 49

ในร้านหนังสือ

ที่ชั้นหนังสือใหม่ ‘หนังสือ บ้า ไร วะ ชื่อ ประ หลาด’ ฉันเปิดหนังสือดูที่หน้ากลางๆ ของเล่ม ไม่ทันไร ‘ไหนดูปกหลังซิ’ มือพลิกไปปกหลัง จากนั้นก็หมุนหนังสือกลับไปดูปกหน้า

‘นิ้วกลม’ นามปากกาที่อยู่บนปกหนังสือ

‘สงสัยว่าเป็นผู้หญิงเขียน’ น่าจะเป็นเรื่องของเด็กแนวไปเที่ยวญี่ปุ่นแหงๆ

จากนั้น ฉันก็ละความสนใจ หันเหไปที่หนังสือเล่มอื่นๆ โดยไม่ใยดี ‘ฯไม่มีขา’ หนังสือชื่อแปลกเล่มนั้นอีกเลย

นั่นเป็นครั้งแรกที่เราเจอกัน ‘ฯไม่มีขา’

ผ่านเวลาสองเดือน หนังสือปกสีฟ้าหม่น ‘กัมพูฯ’ ถูกส่งต่อไปให้เพื่อนหลายคน

แล้วฉันก็ออกตามหา ‘ฯไม่มีขา’ ฉบับพิมพ์เก่าก่อน เพราะได้ข่าวว่า…กำลังจะพิมพ์ซ้ำครั้งใหม่ เป็นครั้งที่ 5

ที่ร้านหนังสือร้านแรก ‘เจอแล้ว’ บนชั้นท่องเที่ยวและมันถูกเสียบสันเข้าชั้นไปเสียแล้ว

ฉันหยิบ ‘ฯไม่มีขา’ ออกมาจากชั้นหนังสือ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4 เล่มนี้ ถูกเปิดอ่านจนปกนอกขาดไปบ้างแล้ว ปกในน่ะเหรอ จากหนังสือสีขาวนวล มันกลับกระดำกระด่าง เจ้าสีตุ่น ๆ นั่นไม่ได้น่ามองนัก

ฉันเก็บ ‘ฯไม่มีขา’ ไว้อย่างเดิมแต่ไม่ใช่ที่เดิม เพราะฉันกลัวว่ามันจะหายไป

และมองดูจนมั่นใจว่า หากฉันกลับมา จะต้องเจอ ‘ฯไม่มีขา’ ตรงนี้

ร้านหนังสือแห่งที่สอง ฉันหา ‘ฯไม่มีขา’ ไม่พบ จนต้องเอ่ยปากถามกับพนักงานขาย

” ฯไม่มีขา หมดแล้วค่ะ ไปดูที่ร้าน…” คนขายบอกให้ไปดูที่ร้านคู่แข่ง

ฉันกลับไปที่ร้านแรก ‘ฯไม่มีขา’ ยังอยู่ที่เดิม

ฉันพา ‘ฯไม่มีขา’ กลับบ้านไปด้วย

แน่นอน นั่นไม่ใช่วันแรกที่ ‘เรา’ เจอกัน โตเกียวไม่มีขา ปกสีขาวตุ่น ๆ

แต่การได้รู้จัก ‘ฯไม่มีขา’ ทีละหน้าๆ ทุกวินาทีเหมือนฉันกำลังผ่านการผ่าตัดครั้งใหญ่ในชีวิต

เพราะร่องรอยของตัวหนังสือทุกตัวที่ย่ำผ่านหัวใจ

ได้เปลี่ยนโครงสร้างหัวใจของฉันแล้ว และมันจะแข็งแรงไปอีกนาน

 

7 comments
  1. jummdcu said:

    เป็นเล่มแรกที่ได้อ่านสำหรับงานเขียนของ “เขาคนนั้น”
    ที่ซื้อเพราะเพิ่งกลับจากไปเที่ยวที่เดียวกันกับเขา
    แต่ไหงเรากะพริบตาแล้วไม่ “เห็น” อย่างเขาเลยนะ
    คงเพราะเรายังไม่ใช่ “นักเดินทาง” ของจริงกระมัง

    แต่เพราะการเดินทาง+หนังสือ
    ที่ทำให้เรา “ได้” อะไรอะไร มากมาย ที่นับค่าไม่ได้
    ก็คงต้องขอบคุณเจ้าของตำนานด้วย

  2. อ่านแล้วยิ้ม ^_________________^

    นึกถึงครั้งแรกที่เราได้พบกัน

    “โตเกียวไม่มีขา”เธอคือยาเม็ดสีแดงสำหรับฉัน

  3. แขก said:

    หาก กัมพูฯ-ไม่มีขา คือตำนานของเจ้า
    เนปาล-ไม่มีขา ก็คือตำนานของข้า
    ทำให้ข้าหลงรักท่านนิ้ว (อ้ายตี๋เสือดำคนเดียวกันนั่นแหละ)
    ทำให้ข้าบูชาท่านนิ้ว (จุดธูป จุดธูป)
    ทำให้ชีวิตข้ามีแค่เพียงท่านนิ้ว (อิอิ…เว่อร์ไปหน่อย)
    ต้องขอบใจเจ้ายิ่งนัก ที่นำพาข้าไปพบท่านนิ้ว เจ้ายุทธจักร(กลมๆ)
    และตอนนี้ก็เพราะเป็นเจ้าอีกแล้ว ที่ทำให้ข้าคิดถึงท่านนิ้ว ฮิ้ว!

    ปล.ข้าก็เคยเฉยเมยกับไม่มีขา เหตุเพราะข้ายังไม่อยากไปญี่ปุ่น
    ข้าอยากไปเนปาลมากกว่า เสียดายเจงๆ T_T

  4. เหม่อมองไกล ไปถึงดาว
    ที่เคยจองเป็นดาวของเรา
    ก็ยังคงอยู่ที่เดิมให้พบเจอ
    อยู่ตรงนี้มองเห็นดาว
    และดวงดาวคงมองเห็นเธอ
    อย่างน้อยเราอยู่ใต้ดาวดวงเก่าเดียวกัน

    *หวังว่าเธอคงสุขดี อยู่ตรงนั้นเจอสิ่งดีดี
    ฉันคงมีเพียงสิ่งเดียวทุกวัน
    มีแต่คิดถึง มีแต่คิดถึง
    อยู่ทุกครั้งที่มองดาว
    มีแต่คิดถึง มีแต่คิดถึง
    เรื่องวันวานและฝันของเรา
    มีแต่คิดถึง มีแต่คิดถึง
    และบ่อยครั้งก็ทำให้เหงา
    คิดถึงเธอ….คิดถึงเธอ
    (*)

    เฝ้าแต่คิดถึง ได้แต่คิดถึง
    สิ่งที่สองเราเคยมี
    เฝ้าแต่คิดถึง ได้แต่คิดถึง
    นึกทีไรก็ยิ้มทุกที
    มีแต่คิดถึง มีแต่คิดถึง
    อยากให้เธอได้อยู่ตรงนี้
    คิดถึงเธอ….คิดถึงเธอ
    คิดถึงเธอ….คิดถึงเธอ

  5. ไม่มีโอกาสไปงานหนังสือเหมือนคนอื่น
    พอได้กลับบ้านทีไรเป็นอันต้องซื้อ เหมือนว่าไปงานหนังสือเสียทุกวันเพราะมันกองเต็มห้องไปหมด

    ผมชอบ ‘สมองไหวฯ’ รู้สึกว่าว่าสามวันที่ไปมันสั้นกระชับดี ^^
    (ยังไงกัน อยากอ่านแต่ชอบอ่านสั้นๆ)

  6. โตเกียวฯ เป็นหนังสือเล่มแรก
    ที่หลังจากอ่านจบแล้วรีบอีเมลไปคุยกับนักเขียนคะ

    นิ้วกลม เป็นนักเขียนคนแรก
    ที่ต้อมคุยได้อยากรู้จักเพิ่มมากขึ้นจากตัวหนังสือคะ

    around เป็นกลุ่มคน กลุ่มแรก
    ที่ทำให้ต้อมเชื่อว่ามิตรภาพ ความสัมพันธ์ในโลกไซเบอร์ยังพอมีดีอยู่คะ

  7. pattararanee said:

    สวัสดีค่ะทุกคน

    มองเห็นความแตกต่างหลากรส ของ การพบกันระหว่าง คุณๆ และ หนังสือบางเล่ม เลยเนอะ


    ต้อม – พี่อ่านกัมพูฯ ยังไม่ทันจบ ก็อีเมล์ ไปบอกท่านนิ้วแล้วว่า ไว้จะกลับมาเล่า เรื่องการเดินทางพิษณุโลก ให้ฟัง (อีเมล์ ไปให้อ่าน)
    จนวันนี้ ก็ยังไม่ได้เล่าเลย ทั้งที่ มีเรื่องราว มากมาย ในสองวันนั้นจริงๆ ^^


    ท่านเอ็ม – สมองไหวฯ ก็ชอบเหมือนกันค่ะ
    เพราะ เป็นเนื้อหา สีสวย อ่านแล้ว ..ไหว..ตามใจ เตลิดไปเลยค่ะ เคยพูดถึงสมองไหวฯ เอาไว้ ในสเปซ (เก่าก่อน) ลองตามลิงค์ไปดูได้เลยเจ้าค่ะ แล้วจะรู้ว่าข้าพเจ้า บูชาท่านนิ้วฯ (จุดธูป จุดธูป เลียนแบบป๋าแขก 555+) มากมาย http://pattararanee.spaces.live.com/blog/cns!A95706FA3361D838!1106.entry


    ฝนฝน – คิดถึง ร้องได้เป็นเพลงกันเลยนะ
    อย่าลืม กึ่มติมๆ
    มิสสสสสสสสสสสสสสสสสสส ยู ^^


    น้องบีม – นี่ๆ ยาเม็ดสีแดง
    งั้นแล้ว คุณสมบัติ มันเป็นเยี่ยงไรคะหนู
    ฝากบอกป้าหน่อยนะจ๊ะ อิ๊อิ๊ (จะสู้ ยาใจ ของป๋าอิ๊วได้ไหมน้ออออ)
    ดีใจที่ หนังสือ ทำให้เรามาเจอกัน มนุดต่างดาวบีม ^^


    เจ๊จุ๋ม – จะครบ รอบ ปี การเจอกัน ของเราทั้งสามแล้วนะ
    เราว่าลอร์ดออฟเดอะริง ก็คงสู้…
    ไตรภาค ของ เราทั้งสาม มิได้
    ขอบคุณ เทวดาของใครบางคนด้วยนะจ๊ะ ที่ทำให้เราพบกัน


    เพ่แขก – ทำไม มาคิดถึง ท่านนิ้วฯ ล่ะ
    ก็ตอนนี้พี่มี ยาพิช อยู่เต็มหัวใจอ่ะ
    อย่ามาปันใจกันง่ายๆ อย่างนี้นะ
    อิ๊อิ๊
    ยินดีที่ได้พาพี่ เข้าสู่ยุทธจักร (กลมๆ)
    เรายังรอคอยอ่านงานเขียนของพี่อยู่ซำเหมอนะเพคะ ^^


    ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาฝาก รอยยิ้ม ไว้ให้ ^^

Leave a reply to แขก Cancel reply