ว่าด้วยเด็กกิจกรรมและการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี
ก็ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว หลานชายวิ่งวุ่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างๆ โดยมีความตั้งใจจะสอบเข้าเรียนต่อด้านดนตรีสากล
ไอที่มันยุ่งยากกว่านั้นคือ หลานบอกว่า เมื่อเรียนจบออกมาแล้วจะต้องเป็นวุฒิการศึกษา “ครุศาสตร์” ที่สามารถไปเป็นครูสอนนักเรียนได้ด้วย
โจทย์เธอยากไปรึเปล่า
ดูเหมือนว่าจะยากแต่จริงๆ มันก็ไม่ยากเกินความสามารถที่มี
หลานชายเป็นเด็กกิจกรรม เล่นดนตรีมาตั้งแต่ ป.4 เครื่องดนตรีชิ้นแรกคือ กลองแต๊ก เพราะเป็นความตั้งใจของหลานเองตั้งแต่อยู่ ป.2 เห็นจะได้มั้ง
จำได้ว่า ตอน ป.4 และเป็นครั้งแรกที่หลานได้ออกเล่นดนตรีในงานใหญ่ประจำจังหวัด คือ งานเดินแห่กระทง (มั้งนะ ถ้าจำไม่ผิด)
พวกเราทั้งบ้านก็ยกโขยงกันไปเชียร์ตามเส้นทางที่เดินนั่นแหล่ะ
แล้วพอเรียนต่อมัธยม หลานก็เข้าวงโยฯ ของโรงเรียน เครื่องดนตรีก็เป็นกลองเล็ก กลองใหญ่ แล้วตามด้วยทรอมโบน แซกโซโฟน (ไล่เรียงเครื่องดนตรีได้ประมาณนี้มั้ง)
ช่วงที่หลานเข้าไปเรียนก็เป็นปีทองของโรงเรียนนี้ เมื่อวงดนตรีลูกทุ่งของโรงเรียนกำลังขึ้นหม้อ ก็เพราะเด็กๆ รุ่นก่อนและรุ่นต่อๆ มาต่างตั้งใจซ้อม-เล่นเพื่อการแข่งขัน จึงได้ไปแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง
และหลานก็เปลี่ยนมาเล่น เบสและกีตาร์ตามลำดับ
ดังนั้นตั้งแต่ ม.2-6 หลานจึงได้เล่นออกงานทั้งแข่งขัน ทั้งเล่นโชว์ตลอดหลายปี ขึ้นเวทีสำคัญๆ และได้รับรางวัลสำคัญระดับประเทศร่วมกับวงโรงเรียนและเพื่อนๆ ของเขาเยอะพอควร
จะเห็นได้ว่า หลานเล่นเครื่องดนตรีเล่นได้หลายชิ้น จะยกเว้นก็พวกคีย์บอร์ดเปียโนอะไรทำนองนี้ (อันนี้ก็คงเพราะทางบ้านไม่มีสตางค์จะซื้อให้ เลยไม่ได้เล่นน่ะนะ แต่อาจจะพอจิ้มเล่นได้บ้างละมั้ง)
ในช่วงที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ได้ไปติวพิเศษด้านทฤษฎีดนตรีกับพี่ๆ ที่เรียนอยู่หรือจบระดับมหาวิทยาลัยดังๆ แล้ว ซึ่งพี่ติวก็เป็นน้องๆ ที่อยู่ใกล้ชิดกับพี่โก้ (นักดนตรีดัง) ทำให้เพิ่มความมั่นใจว่า น่าจะสอบเข้าสถาบันดังๆ กับเขาได้บ้าง
ในที่สุดก็สอบผ่านข้อเขียน มหาวิทยาลัยดังระดับประเทศ แล้ววันที่สอบปฏิบัติ หลานก็แบกเครื่องดนตรีขึ้นรถโดยสารเข้ามากลางกรุงเทพฯ มากับเพื่อนอีก 3 คน “เจ้าเด็กๆ พวกนี้นี่ก็ตั้งใจกันจริงจังมากๆ น่านับถือ”
ในวันนั้น ป้าก็ไปให้กำลังใจหลานชายอีกเช่นเคย บรรยากาศการรอสอบเป็นอะไรที่ป้าไม่คุ้นเคย เพราะเป็นการสอบทักษะด้านดนตรี จึงมีเด็กๆ นั่งซ้อมหรือหลบมุมซ้อมเล่นเครื่องดนตรีของตัวเองกันไป
มีเด็กคนหนึ่งนั่งสีซออู้ตั้งแต่ 8 โมง เขาหยุดพักแป๊บหนึ่งแล้วก็ซ้อมต่อไปแบบไม่หยุดมือกันเลย เรียกได้ว่าซ้อมนานมาก 4 ชั่วโมงเห็นจะได้
เมื่อหลานป้าเข้าไปสอบทักษะเครื่องเป่าและกลับลงมา เด็กๆ ก็คุยศัพท์แสงเกี่ยวกับดนตรี ฮาร์โมนี่ บลาๆๆๆ (ป้าล่ะงงครัช ฮ่าๆๆ)
หลานชายบอกว่า ยากมากเหมือนกัน มีสอบฟัง สอบเล่น
แล้วมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เข้าสอบเล่นไวโอลินก่อนหน้าหลาน พอเด็กผู้หญิงคนนั้นเล่นไปได้นิดเดียว อาจารย์สามคนที่ฟังอยู่ก็บอกให้หยุดเล่น
เท่านั้นแหล่ะ เด็กผู้หญิงร้องไห้แล้วก็ออกจากห้องสอบเลย มันช่างดราม่ายิ่งนัก
พอสอบกันครบแล้วเด็กๆ ก็เม้ามอยว่า มีแต่พวกโหดๆ เนอะ
ป้าก็ถามความหมาย เจ้าพวกนี้ก็บอกว่า โหดๆ เนี่ยคือ การเล่นระดับเทพๆ นะครัช
เออ มันก็จริงนะ เพราะเท่าที่ฟังดูคนอื่นๆ ซ้อม มันมีเสียงเครื่องดนตรีหลากหลายและหลายระดับการเล่นจริงๆ
และเด็กๆ ก็ได้ประเมินตัวเองกันด้วยว่า น่าจะไม่ติดที่นี่ แต่ก็มาสอบเพื่อเป็นประสบการณ์
ดูเหมือนเด็กๆ จะทำใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว
การสอบเข้าของหลานชายยังไม่จบสิ้น ไปสอบหลายมหาวิทยาลัย บางแห่งสอบได้ก็ไม่ไปสอบสัมภาษณ์ ซึ่งถ้าไปสัมฯ ก็ได้แน่นอน เพราะเป็นเด็กกิจกรรม แต่ไม่ไปเพราะไม่ใช่วุฒิครู บางแห่งก็พลาดไม่ได้ทำแม้แต่สมัครสอบ ก็แอบเสียดายกันไป แล้วก็มาลุ้นกันต่อปายยย
ในที่สุดก็ได้ที่สถาบันหนึ่ง ก็อยู่ที่บ้านนั่นแหล่ะ แต่….หลานบอกว่า ถ้าเอาก็จะไม่ได้ไปสอบอีกที่หนึ่งนะ ก็เลยเลือกไม่ไปลงทะเบียน เลือกที่จะไปสอบอีกที่ในอีกสองสามวันต่อมาดีกว่า
พอมาถึงตอนนี้ ทางโรงเรียนได้บอกว่า จริงๆ แล้วรางวัลที่วงดนตรีนี้ได้รับเมื่อปีที่ผ่านมาเป็นรางวัลใหญ่มาก สามารถใช้เป็นฟาสต์แทรกท์เพื่อเข้าเรียนต่อได้เลย แต่โอกาสนั้นได้ผ่านไปแล้ว
เฮ้ยยยยยยยยยยย เสียดายมาก ป้าโกรธโรงเรียน โกรธแนะแนวมาก ทำไมไม่บอกให้มันเร็วๆ ทำไมโรงเรียนไม่จัดการดูแลให้ได้เข้าเรียน ทั้งๆ ที่ถ้าเด็กๆ ในวงได้เข้าเรียน มันก็เป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนแท้ๆ ป้าบอกเลยวันที่รู้นี่ โกรธมาก
จนแล้วจนรอด หลานชายก็สอบไม่ได้ เลยต้องกลับมาสอบที่สถาบันที่ได้ในตอนแรก (แต่ไม่ไปลงทะเบียน)
ในที่สุด ก็ได้ที่เรียน ก็มหาวิทยาลัยที่บ้านนั่นแหล่ะ ค่อยยังชั่วหน่อย ได้เรียนดนตรี 5 ปี กับวุฒิครู ตามที่ตั้งใจไว้
ป้าก็อยากให้ตั้งใจเรียนให้มากๆ ให้เกรดดีๆ จะได้เรียนต่อได้ง่ายๆ
แต่เดาว่า ณ จุดนี้ยากมาก เพราะความเป็นเด็กกิจกรรมเต็มตัว ก็ตอนที่เพิ่งจบ ม.6 มาหมาดๆ ระหว่างสอบเข้า พวกเด็กๆ ก็ไปออดิชั่นเล่นดนตรีตามร้านอาหารกลางคืนกันแล้วครัช และวงก็ได้เล่นจริงๆ พวกนายแน่มากครัช
คำแนะนำของป้าคือ ขอให้เปิดโลกด้วยการอ่านหนังสือ (ไปยืมห้องสมุดมาอ่านโลด ไหนๆ ก็เสียเงินแล้ว) เรียนภาษาอังกฤษให้เกรดดีๆ และทำเกรดเฉลี่ยให้ได้ 3 ขึ้นไป แค่นั้นน่าจะพอไหวสำหรับแผนในอนาคตของเด็กกิจกรรมคนนี้แล้วล่ะ
ส่วนกิจกรรมที่ทำ ก็ทำต่อไปได้ ให้รู้จักแบ่งเวลา และรู้จักเลือกสิ่งที่ดีกับตัวเอง โดยเงื่อนไขสำคัญของชีวิต ก็ให้ย้อนกลับไปอ่านคำแนะนำในบรรทัดบนนะครัช